วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

"ปูผัดผงกะหรี่"


เครื่องปรุง
-ปูม้า 1 ตัว,
-ไข่ไก่ 1 ฟอง,
- ต้นหอมหั่นเป็นท่อนสั้น 3 ต้น,
-คึ่นฉ่ายหั่นเป็นท่อนสั้น 2 ต้น,
-หอมใหญ่หั่นเป็นเสี้ยง 1 หัว,
-พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 2 เม็ด,
- ผงกะหรี่ 2 ช้อนชา,
- พริกไทยป่น 1/ 4 ช้อนชา
-,น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ,
-นมสด 1 /2 ถ้วย,
-น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ,
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-, น้ำมันสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างปูให้สะอาด เอานมและสิ่งสกปรกออกจากกระดอง สับเป็นชิ้น ๆ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ผสมนมสด น้ำพริกเผา ไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน
3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้หอม ใส่ปู ผัดให้สุก ใส่ผงกะหรี่ ตามไข่ น้ำมันหอย ผัดให้เข้ากัน
4. ใส่หัวหอมใหญ่ ต้นหอม ขึ้นฉ่าย พริกชี้ฟ้าแดง ผัดให้เข้ากัน ใส่พริกไทย ผัดพอทั่วอีกที จึงปิดไฟ ตักใส่จาน



"กุ้งอบเกลือ"


กุ้งอบเกลือ
วัตถุดิบ
1. กุ้งกุลาดำ หรือ แชบ๊วย 8-10 ตัว
2. ขิงทุบ 1 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4. ต้นหอมหั่นท่อน 3 ต้น
5. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
6. น้ำซุป (เป็นน้ำสต็อกยิ่งดี) 1 กระบวย
วิธีทำ
1. นำน้ำซุปลงกระทะ ใส่เกลือ ขิง ต้นหอมต้มจนมันออกกลิ่น
2. พอเดือดดีแล้วก็นำกุ้งลงแล้วหาฝาหม้อมาปิด
3. เมื่อกุ้งสุกจนแดงแล้ว เติมน้ำมันงา คลุกในกระทะเรื่อย ๆ เอากลิ่นและรส
4. คลุกเสร็จแล้วให้ตักกุ้งใส่จาน ที่เหลือไม่ต้องเอาขึ้นมา เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มทะเลหรือไม่จิ้มก็อร่อยแล้ว

"ซุปไข่"


ซุปไข่เมนูง่าย ๆ ทานอร่อยแก้หนาวได้ พลังงานไม่เยอะซะด้วยสิแต่ก็ใช้เวลาทำหน่อยละนะ มันเป็นซุปเดือด ๆ ซะด้วยสิ
วัตถุดิบ
1. น้ำซุป (หรือน้ำสต็อก) 4 ถ้วย
2. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
3. ผงพะโล้ 2 ช้อนชา
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. ขิงแก่ขูด 2 ช้อนชา
6. น้ำมันงา 2 ช้อนชา
7. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
8. น้ำ 1/4 ถ้วย
9. ไข่ไก่ (ขาดไปก็ไม่ใช่ซุปไข่สิ) 2 ฟอง
10. พริกไทยดำป่น (พริกไทยธรรมดาก็ได้) 1 ช้อนชา
11. ผักชีซอย 2 ช้อนชา
12. โคนต้นกระเทียม หั่นแบบเฉียง 1/4 ถ้วยต่อไปก็ลงมือ
วิธีทำ
1. ต้มน้ำซุป หรือ น้ำสต็อก (เป็นน้ำซุปที่ใช้เวลาทำมาก เป็นการต้มน้ำกับเนื้อสัตว์ ผักที่เอาไว้ทำน้ำซุป แล้วนำมากรองเอาแต่น้ำอย่างเดียว น้ำสต็อกจึงเป็นน้ำซุปไม่มีไขมัน แช่เย็นเก็บได้ประมาณ 3-4 วัน ทำแล้วคุ้ม ดูคนอื่นทำน่ะ) อ้าวเพลิน ต้มให้น้ำซุปเดือดแล้วใส่ซีอิ๊วขาว ผงพะโล้ ขิง น้ำมันงา แล้วก็ยกลงมากรองเอาแต่น้ำ
2. นำน้ำซุปที่ได้นั้นมาต้มอีก(อีกแล้วเหรอ) ไฟปานกลางจนเดือด จากนั้นนำแป้งข้าวโพดกับน้ำ 1/4 ถ้วยมาผสมกันจนได้น้ำแป้งที่สุกข้นและใส จากนั้น ตอกไข่ใส่ลงไปในชาม ใส่น้ำอีก 2 ช้อนโต๊ะ ตีไข่ให้เข้ากับน้ำแล้วค่อย ๆ บรรจงเทลงหม้อน้ำซุปแล้ว อย่าปล่อยแค่นั้น ตีไข่ให้เป็นเส้น คาน้ำซุป
3. ต้มไปอีกสักแปป เดือดได้ที่แล้วก็ยกเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยพริกไทย ผักชี โคนต้นกระเทียม รับรองอร่อย หรือจะทำขายก็ดี


"เห็ดหูหนูชุบไข่"


-เห็ดหูหนูสด 1 ถ้วย
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
-พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 2 เม็ด
-ต้นหอมเฉพาะส่วนขาวหั่นท่อน 1/4 ถ้วย
-กระเทียมบุบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
-พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
-ซีอิ๊วขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
ล้างเห็ดหูหนูให้สะอาด เฉือนโคนแข็งออก หั่นชิ้นใหญ่ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียม เจียวให้หอม ใส่เห็ดหูหนู ผัดให้ทั่ว ใส่ไข่ เกลี่ยให้ทั่ว ผัดพอไข่แห้งปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้ทั่ว ใส่พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ตักใส่จาน เสิร์ฟ


"แกงร้อน"


-วุ้นเส้นแช่น้ำให้นิ่ม 3/4 ถ้วย
-เห็ดหูหนูสดหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
-กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
-ขึ้นฉ่ายหั่นท่อนยาว 1/4 ถ้วย
-น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
-เกลือป่น 1 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง
-หมูสับหมูสับ 1/2 ถ้วย
-กระเทียมสับ 1 หัว
-พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
-วุ้นเส้นแช่น้ำให้นิ่ม 3/4 ถ้วย
-เห็ดหูหนูสดหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
-กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
-ขึ้นฉ่ายหั่นท่อนยาว 1/4 ถ้วย
-น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชาเ
-กลือป่น 1 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
-เครื่องปรุงหมูสับหมูสับ 1/2 ถ้วย
-กระเทียมสับ 1 หัว
-พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

"ต้มโคล้งปลาสลิด ใบมะขามอ่อน"


-ปลาสลิดแห้ง 3 ตัว
-หอมแดง 7 หัว
-พริกแห้งเม็ดใหญ่เผา 2-3 เม็ด
-น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
1. ต้มน้ำในหม้อให้เดือด ล้างปลาสลิดให้สะอาด แล้วย่างพอหอม หั่นเป็น 2 ท่อน ใส่ลงในหม้อ บุบหอมแดงใส่ลงไป
2.ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียก พอเดือดอีกครั้งใส่ใบมะขามอ่อน เสร็จแล้วยก ลง เติมพริกแห้งเผาหักใส่อาหารไทยแท้ๆ เหล่านี้นับวันจะสูญหายไปจากความทรงจำ ด้วยมักคิดว่าเป็นอาหารพื้นๆ ไม่หรูหราอะไรแต่ความเป็นจริงแล้วอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยคุณค่า ทางอาหาร ไม่ว่าจากเนื้อปลาต่างๆ จากพืชผักสมุนไพรที่บรรพบุรุษของเรา ได้บริโภคตราบจนทุกวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

ปลากะพงน้ำมันหอย


ปลากะพงน้ำมันหอย
-ปลากะพงขาวน้ำหนัก 500 กรัม 1 ตัว
-เห็ดฟาง 100 กรัม
-หอมใหญ่หั่นแว่นบาง 1/2 ถ้วย
-พริกชี้ฟ้าเหลืองหั่นฝอย 2 เม็ด
-แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
-แป้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วย
-น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
-ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
-ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำซุป 1/2 ถ้วย
-น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันสำหรับทอด
ขอดเกล็ดปลา ล้างให้สะอาด แล่เนื้อปลา หั่นชิ้นประมาณ 2 นิ้วผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำ 1/2 ถ้วย เอาปลาชุบแป้ง ทอดในน้ำมันร้อน ไฟกลาง ให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก ผ่าครึ่งใส่น้ำมันสำหรับผัดลงกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เห็ดฟางหอมใหญ่ น้ำซุป ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย ผัดสักครู่ ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำใส่ ผัดให้ข้นเหนียวเรียงปลาทอดใส่จาน ตักผักราดบนปลา โรยพริกชี้ฟ้าเหลือง

ไข่กะทะ


-ไข่ไก่ฟองใหญ่ 1 ฟอง
-หมูยอหั่นเป็นชิ้นหนา 1/ 4 นิ้ว 3 - 4 ชิ้น
-กุนเชียงต้มสุกหั่นแฉลบบาง ๆ 5 - 6 ชิ้น
-ไส้กรอกลวกน้ำเดือดแล้วหั่นเฉียง ๆ 2 ชิ้น]
-เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-มะเขือเทศฝานบาง ๆ ตามขวางของผล 2 - 3 ชิ้น
-ใบผักกาดหอม 2 ใบ
-กระทะอลูมิเนียมใบเล็กก้นแบนสำหรับทำไข่กระทะ 1 ใบ
ล้างกระทะที่จะใช้แล้วเช็ดให้แห้ง ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนใส่น้ำมันพืชและเนยลงไป-พอเนยละลายและน้ำมันอุ่น(อย่าให้ร้อน) ก็ต่อยไข่ใส่ลงไปกลางกระทะ ทอดแบบไข่ดาวหน้าเดียว-จากนั้นเรียงหมูยอใส่ลงไป ใส่ไส้กรอกลงไปข้าง ๆ ไข่ขาวของไข่ดาว ใส่กุนเชียงเรียงชิ้นเกยกันให้สวยงาม-ทอดไข่ให้สุกมากหรือสุกน้อยตามใจชอบ พอไข่สุกดีแล้วให้ยกลงจากเตา-ตกแต่งกระทะด้วยใบผักกาดหอมและมะเขือเทศฝาน-เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสหรือครัวซองท์ และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ (พริกไทย เกลือ ซอสตราภูเขา ซอสมะเขือเทศ)

แกงเผ็ดเป็ดย่าง


แกงเผ็ดเป็ดย่าง
เป็นแกงที่นิยมใส่ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวลงไปในแกงด้วย เพื่อช่วยให้น้ำแกงมีรสหวานกลมกล่อม ผลไม้ที่นิยมก็คงจะได้แก่ สับปะรด มะปรางสุก องุ่น แอปเปิลเขียว ฯลฯ หรือถ้าหาผลไม้ไม่ได้จริง ๆ ก็ใช้ มะเขือส้มหรือมะเขือเทศสีดาแทนได้
เครื่องปรุ่ง
-เนื้อเป็ดย่างหั่นเป็นชิ้นพอคำ สัก 1/ 2 ตัว
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
-หางกะทิ 4 ถ้วย
- สับปะรด(เลือกแบบเปรี้ยว)หั่นเป็นชิ้นพอคำสัก 10 ชิ้น -มะเขือส้มหรือมะเขือเทศสีดา 7 ลูก
- น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
- โหระพาเด็ดเป็นใบ 1/ 2 ถ้วย
- ใบมะกรูด 5 ใบ
-พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 3 เม็ด
-พริกเหลืองหั่นแฉลบ 2 เม็ด
-น้ำตาลปีบ 2 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เริ่มด้วยนำหางกะทิใส่ลงในหม้อ แล้วยกขึ้นตั้งไฟกลางพอร้อน จึงใส่เนื้อเป็ด พอกะทิแตกมันยกลง จากนั้นตักกะทิที่แตกมันในหม้ออกมาใส่ในกระทะ 1/ 4 ถ้วย ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงผัดให้หมอ แล้วตักเนื้อเป็ดในหม้อกะทิใส่ลงไป ผัดพอทั่ว ใส่น้ำมะขามเปียก ตักทั้งหมดใส่หม้อกะทิตามเดิม ยกหม้อกะทิขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง คนพอทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ใส่หัวกะทิ คนให้เข้ากัน เมื่อเดือดใส่ สับปะรด มะเขือส้ม พอเดือดอีกครั้ง ฉีกใบมะกรูดใส่ ตามด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและพริกเหลือง ใบโหระพา จากนั้นปิดไฟ ก็เป็นอันเสร็จ
เคล็ดลับความอร่อย
** น้ำพริกแกงเผ็ด ใช้พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 7 - 9 เม็ด หอมแดงซอย 5 หัว กระเทียมซอย 10 กลีบ ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 /2 ช้อนชา รากผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อนชา พริกไทย 5 เม็ด ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่าคั่ว 1 ช้อนชา เกลือป่น 1 ช้อนชา และกะปิ 1 ช้อนชา

แกงเขียวหวานไก่อบกระเทียมพริกไทยดำ


แกงเขียวหวานไก่อบกระเทียมพริกไทยดำ
ส่วนผสมพริกแกง
โขลกส่วนผสมพริกแกงบางส่วนให้ละเอียดก่อน จึงใส่---หอม
-กระเทียม โขลกต่อให้ละเอียด ใส่กะปิแล้วโขลกต่อให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
วิธีทำ
-นำหัวกะทิ ¾ ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด ใส่พริกแกงที่ทำเสร็จแล้ว ลงผัดให้หอมด้วยไฟค่อนข้างอ่อนประมาณ 10-15 นาที หรือจนกะทิเริ่มแตกมัน ใส่ไก่อบกระเทียมพริกไทยดำเคี่ยวประมาณ 5 นาที ใส่น้ำปลา น้ำตาลปรุงรสและหางกะทิเดือดทั่วกันแล้ว ใส่มะเขือพวง เดือดอีกครั้งใส่ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้า ยกลงตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยใบโหระพาและพริกชี้ฟ้าเขียว tip : แกงเขียวหวานจะเคี่ยวไม่ให้แตกมันมาก พอเริ่มแตกก็ใช้ได้แล้ว มะเขือเทศต้งไม่ดำ สามารถทำได้โดยต้องใส่ลงในน้ำแกงเดือด ๆ แล้วใช้ทัพพีกดลงไปให้จมน้ำแกง ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าก็ทำเช่นเดียวกัน







แกงส้มผักบุ้งกุ้งสด รสกลมกล่อมแบบไทยๆ


ส่วนผสม
-น้ำพริกแกงส้มพริกขี้หนูสด 10 เม็ด
-กระเทียม 5-6 กลีบ
-หอมแดง 3-4 หัว
-กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
-กุ้ง 4-5 ตัว
ส่วนผสม
-แกงส้มน้ำเปล่า 2.5 ถ้วย
- ผักบุ้งไทย 2 กำ
-กุ้ง 5-6 ตัว
-น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา
-น้ำตาลปีบ ปรุงตามชอบ
วิธีทำ
เริ่มจากการทำน้ำพริกแกงส้มก่อน แกงส้มผักบุ้งกุ้งสดชามนี้ “กุ๊กเล็ก” ใช้พริกขี้หนูสดแทนพริกแห้ง เพราะจะได้รสเผ็ดร้อนกว่า แต่สีสันน้ำแกงอาจจะไม่สวยงามเท่ากับพริกขี้หนูแห้ง โดยเราเริ่มจากการนำพริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง กะปิ มาโขลกให้เข้ากัน แล้วนำกุ้งที่เตรียมไว้ไปลวกในน้ำเดือด แล้วหยิบมาสัก 4-5 ตัว นำลงไปโขลกรวมกันกับน้ำพริกด้วย เพื่อให้น้ำแกงส้มเข้มข้นมีเนื้อกุ้งละลายอยู่จากนั้นหันมาตั้งน้ำให้เดือด แล้วใส่น้ำพริกแกงส้มที่เราโขลกเอาไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปีบลงไปให้น้ำแกงได้รสกลมกล่อม เปรี้ยวนำ และหวาน เค็ม ตามความชอบพอน้ำแกงเดือดดีแล้วก็ใส่กุ้งที่เหลือ ตามด้วยผักบุ้งที่ล้างสะอาดและหั่นเป็นท่อนสั้นๆ ปิดผาให้น้ำแกงเดือด ผักบุ้งยุบดีแล้วก็ปิดไฟยกลงได้ จะกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะมีไข่เจียว ปลาทอดกินคู่กันก็ยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก

ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น


ส่วนผสม
- หมูหรือเนื้อ ประมาณสำหรับ 2 ที่
- แครอท 2 หัวเล็ก- หอมใหญ่ 1 หัว
- มันฝรั่ง 2 หัวเล็ก
- เนยสด 2 ชต.
- น้ำมันพืช เล็กน้อย
- นมสด 100 ml.
- น้ำ 400 ml
.- เกลือ 1/4 ชช.
- ก้อนแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ประมาณ 2-3 ก้อน แล้วแต่ยี่ห้อ
วิธีทำ
1. หั่นหอมใหญ่ แครอท และมันฝรั่ง
2. ผัดหอมใหญ่กับเนยและน้ำมันพืชให้สุกเป็นสีเหลืองทอง
3. เติมเนื้อหมูลงไป ผัดให้หมูสุก
4. เติมน้ำ และแครอทลงไป ผัดต่อจนเดือด
5. เติมนมสด และมันฝรั่งลงไป ต้มต่อจนเดือดอีกครั้ง
6. ปิดไฟ ยกลงจากเตา บิก้อนแกงกะหรี่ประมาณ 2 บล๊อก เติมลงไป คนให้ก้อนแกงกะหรี่ละลายหมด ชิมรสดูถ้ายังไม่เข้มข้นเติมเกลือ หรืออาจเติมก้อนแกงกะหรี่ได้อีก อันนี้จะแล้วแต่ยี่ห้อนะคะ บางยี่ห้อใส่ 2 บล๊อกก็เข้มข้นแล้ว แต่บางยี่ห้อใส่ 3 บล๊อกแล้วยังต้องเติมเกลืออีกถึงจะพอดี
































วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

“แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย”




“แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย”
ส่วนผสม
(ลูกชิ้นปลากราย)1. เนื้อปลากรายขูด 4 ถ้วย
2. รากผักชีซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
4. พริกไทยเม็ด 20 เม็ด
5. เกลือป่น ½ ช้อนชา
6. น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลูกชิ้นปลากราย
1. นำพริกไทย รากผักชีซอยละเอียด กระเทียมซอยละเอียด มาโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำไปคลุกกับเนื้อปลา นวดจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2. ละลายเกลือเข้ากับน้ำสะอาด ในขณะที่นวดปลากรายนั้น ให้ค่อย ๆ ใส่น้ำเกลือลงไปทีละน้อย จนหมด (นวดต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20-30 นาที จนสีของเนื้อปลาเงาใส แสดงว่าใช้ได้แล้ว
3. นำหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใช้ช้อนตักเนื้อปลาให้เป็นก้อนพอดีคำ ค่อย ๆ ใส่ลงไปในน้ำเดือด รอให้ลูกชิ้นปลาลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ก็ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น พักไว้
ส่วนผสมแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย
1. เครื่องแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
2. หัวกะทิ 2 ถ้วย ,หางกะทิ 6 ถ้วย
3. มะเขือเปราะผ่าเป็นชิ้น ๆ 8 ลูก
4. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 1/3 ถ้วย
5. กระชายซอยเป็นเส้น 1 ½ ถ้วย
6. ใบมะกรูดฉีก 10 ใบ
7. ใบโหระพา 1 ½ ถ้วย
8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
ลงมือเข้าครัว
1. นำหัวกะทิ 1 ถ้วยตั้งไฟ เคี่ยวให้แตกมัน จากนั้นใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัด เคี่ยวไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งเติมหัวกะทิที่เหลือลงไปทีละน้อยจนหมด
2. นำลูกชิ้นที่เตรียมไว้ลงผัดกับพริกแกง ตามด้วยกระชายซอย ผัดให้ทั่วจนเริ่มมีกลิ่นหอม
3. ตั้งหางกะทิที่เตรียไว้จนเดือด จากนั้นนำลูกชิ้นปลากรายที่ผัดกับเครื่องแกงเทลงไป รอจนเดือด
4. หลังจากที่เดือดแล้ว ใส่มะเขือเปราะลงไป ตามด้วยใบมะกรูด และพริกชี้ฟ้า
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา รอให้เดือดอีกครั้ง จึงใส่ใบโหระพาแล้วยกลง
6. ตักใส่ชาม แต่งหน้าด้วยใบโหระพา พริกชี้ฟ้า และหัวกะทิเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟทันทีเป็นไงบ้างคะ “จานโปรด” ของเราวันนี้ แต่การทำอาหารให้คุณแม่ทานนั้น ไม่จำเป็นต้องเฉพาะวันแม่วันเดียวเท่านั้นนะคะ เพราะวันไหน ๆ ก็สามารถทำให้คุณแม่ทานได้เช่นกัน....


แกงส้มผักรวม




เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับสัปดาห์ที่แล้ว ที่เรานำเสนอ 'แกงเลียงน้ำข้น' สูตรของชาวบ้านที่ชุมชนบางเจ้าฉ่า มีใครลองนำไปทำทานดูบ้างหรือยังคะ และวันนี้ คอลัมน์ 360 องศา ของเราก็ยังคงนำเอาเมนูอาหารอร่อย ๆ มานำเสนอกันอีกเช่นเคย ซึ่งวันนี้ก็เป็นคิวของ
'แกงส้มผักรวม'
ก่อนอื่นเราก็ต้องไปเตรียมเครื่องปรุงกันก่อนเตรียมเครื่องปรุงเครื่องแกงส้ม
1. พริกแห้ง 25 กรัม
2. กระชายหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือ 2 ช้อนชา
4. หอมแดง 25 กรัม
5. กะปิ 2 ช้อนชา
เครื่องปรุง
1. น้ำต้มสุก 6 ถ้วยตวง
2. ปลาช่อน 700 กรัม
3. แตงโมอ่อน 500 กรัม
4. ถั่วฝักยาว 250 กรัม
5. กะหล่ำปลี 300 กรัม
6. น้ำมะขามเปียก 3/4 ถ้วยตวง
7. น้ำปลา 1/3 ถ้วยตวง
8. น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
ลงมือเข้าครัว
1. โขลกส่วนผสมสำหรับทำเครื่องแกงให้ละเอียด แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของกระชายก็อนุโลมว่าไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ถ้าใส่รสชาติก็จะจัดจ้านขึ้น เมื่อโขลกได้ที่แล้ว นำขึ้นพักไว้
2. ในส่วนของปลาช่อน นำไปขอดเอาเกล็ดออกให้หมด ล้างให้สะอาด ตัดส่วนหางออกเล็กน้อย (ประมาณ 300 กรัม) ส่วนที่เหลือตัดเป็นท่อน ๆ ไว้ใส่ในแกง
3. ตั้งน้ำพอเดือด หลังจากนั้นนำหางปลาที่ตัดไว้ลงไปต้มให้เปื่อย จากนั้นนำขึ้นมาแกะก้างออก นำเนื้อที่ได้ไปโขลกรวมกับเครื่องแกงส้มที่เราโขลกพักไว้อีกครั้ง จนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
4. ตั้งน้ำต้มสุกให้เดือด นำเครื่องแกงส้มลงไปละลาย รอจนเดือดอีกครั้ง เริ่มใส่ผัก โดยใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะขาม น้ำปลา น้ำตาล ชิมรสตามชอบ (แต่แกงส้มควรจะเป็นรสเปรี้ยวนำ) รอจนเดือดจากนั้นใส่เนื้อปลาลงไป ถึงตอนนี้ต้องระวังอย่าคนมาก เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละ และเกิดกลิ่นคาวได้ 5. รอจนเดือด ยกลงใส่ชาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ รับรองอร่อยแน่



ปูนิ่มทอดกระเทียม


เครื่องปรุง
-ปู นิ่มหั่นเป็นชิ้น 2-3 ตัว
-แป้งทอดกรอบ 1 ซอง
- รากผักชีและกระเทียมปั่นให้เข้ากัน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1-2 ช้อนชา
-พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
-เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
-กระเทียมตำพอแหลกทอดกรอบ 1 ถ้วย
-น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ผสมรากผักชีกระเทียมปั่นกับ พริกไทย น้ำตาล และเกลือให้เข้ากัน นำชิ้นปูนิ่มลงคลุกเคล้าให้ทั่ว
2. จากนั้นนำไปเคล้ากับแป้งทอดกรอบพอให้แป้งติด ถ้าแห้งเกินไปให้ใช้น้ำเติมได้เล็กน้อย แล้วนำไปทอดในน้ำมันจนสุกพอเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันก่อน จัดใส่จานพร้อมกระเทียมทอดกรอบตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

ยำไข่ต้มแบบไทย



ส่วนผสม
-ไข่ไก่ต้มสุก 5 ฟอง
-หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
-มะม่วงดิบรสเปรี้ยวสับ 1/4 ถ้วย
-ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
-ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1/2 นิ้ว 2 ช้อน
-โต๊ะผักกาด กะหล่ำปลีซอยและแครอทซอยสำหรับรองถ้วยยอดสะระแหน่สำหรับตกแต่ง
-น้ำยำน้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
-กระเทียมดองซอยบางๆ 2 ช้อน
โต๊ะเกลือป่น 1 ช้อนชา
-พริกขี้หนูแดงหั่น 4 เม็ด
วิธีทำ
1. ทำน้ำยำโดยผสมน้ำมะนาว กระเทียมดอง เกลือและพริกขี้หนูใส่ถ้วย
2. ปอกเปลือกไข่ต้ม แล้วหั่นไข่เป็นแว่นหนา 1/4 นิ้ว จัดใส่ถ้วยที่รองด้วยผักกาดหอม กะหล่ำปลีซอยและแครอทซอย
3. ใส่หอมแดง มะม่วง ใบสะระแหน่และต้นหอมลงในชาม ตามด้วยน้ำยำ คลุกเคล้าเบาๆพอทั่ว
4. ตักราดบนถ้วยไข่ต้ม ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ



ไก่ทอดซอสโยเกิร์ต


เครื่องปรุง
-เนื้ออกไก่หรือสันในไก่ 500 กรัม
-ลูกกระวานเทศ 2 เม็ด
-โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
-ขิงขูดละเอียด 1 ช้อนชา
-น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
-หอมใหญ่สับ 1 หัว
-เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
-พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
-เมล็ดอัลมอนด์ หั่นแท่งยาวอบ 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ลงในอ่างผสม พักไว้
2.ทุบลูกกระวานให้แตกเอาเมล็ดด้านในคั่วกระทะด้วยไฟอ่อนพอหอม ปิดไฟ นำไปโขลกพอแตกและมีกลิ่นหอม ใส่ถ้วยเตรียมไว้
3. ผสมโยเกิร์ต เมล็ดลูกกระวานเทศที่คั่ว และขิง เข้าด้วยกันในอ่างผสม พักไว้
4. ผัดหอมใหญ่ในกระทะน้ำมันด้วยไฟอ่อนจนสุกนุ่ม ใส่เนื้อไก่ลงผัดจนเหลืองและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ผัดพอทั่ว เติมน้ำ เคี่ยวนานประมาณ 20-25 นาที หรือเนื้อไก่สุกนุ่มและน้ำงวดลง ปิดไฟ
5. ใส่โยเกิร์ตที่ทำลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพาร์เลย์หรือผักกาดคอส โรยอัลมอนด์ เสิร์ฟ

ยำหัวปลี


เครื่องปรุง
- หัวปลีซอยลวก 1 หัว
- กุ้งสดลวก 10 ตัว
- หอมแดงซอย 1/2 ถ้วยตวง
- มะพร้าวคั่ว 1/2 ถ้วยตวง
- หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ปอกกลีบหัวปลีส่วนที่แก่ออก หั่นตามขวางบางๆ แช่ในน้ำส้มผสมน้ำเพื่อหัวปลีจะได้ไม่ดำแล้วบิดน้ำออก ลวกพอสุก พักไว้
2.ผสมน้ำปรุงน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิผสมให้เข้ากันใส่หัวปลีที่เตรียมไว้และกุ้งที่ลวกแล้ว หอมแดงซอย คลุกให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ออกหวาน เปรี้ยว เค็ม
3.จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยมะพร้าวคั่วและหอมแดงเจียว

แกงโฮะ


ใน สมัยก่อนเวลาทำบุญบ้านหรืองานบุญต่างๆ มักจะเตรียมของที่ทำอาหารไว้จำนวนมาก ในสมัยก่อนการนำเอาแกงต่างๆ ที่เหลืออยู่ในหม้อ (หลังจากที่ตักรับประทานอิ่มแล้ว) รวมทั้งผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เหลือจากการเตรียมมาทำแกงโฮะ ซึ่ง “โฮะ” เป็นภาษาเหนือ หมายถึง เอามารวมกันคน ไทยในแต่ละภาคมีวิธีการรับประทานผักอย่างหลากหลายแล้วแต่จะดัดแปลงกรรมวิธี อย่างไร แกงโฮะก็เป็นอาหารที่ปรุงจากผักหลายชนิดคล้ายกับอาหารหลายๆ อย่างของคนไทยภาคอื่นๆ ถ้าหากนึกถึงแกงก็มักจะนึกภาพแกงที่มีน้ำแกง จะมากน้อยหรือขลุกขลิกก็แล้วแต่ ส่วนแกงโฮะจะเป็นแกงที่แห้งๆ คล้ายผัด ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของแกงโฮะเครื่องปรุง
-หมูสามชั้น 100 กรัม
-เนื้อไก่ 100 กรัม
-มะเขือเปราะ ½ ถ้วย (100 กรัม)
-มะเขือพวง ½ ถ้วย (100 กรัม)
-มะเขือยาว 1 ลูก (200 กรัม)
-ถั่วฝักยาว 6 ฝัก (100 กรัม)
-ตำลึงเด็ดใบอ่อน 2 ถ้วย (100 กรัม)
-หน่อไม้เปรี้ยว 300 กรัม
-ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ ¼ ถ้วย (30 กรัม)
-ผักชี ต้นหอม หั่นหยาบ อย่างละ 1 ต้น (30 กรัม)
-พริกขี้หนูทอด 10 เม็ด (5 กรัม)
-แตงกวา 5 ลูก (200 กรัม)
-วุ้นเส้นแช่น้ำตัดสั้น ½ ถ้วย (300 กรัม)
-สะระแหน่เด็ดเป็นใบ ¼ ถ้วย (30 กรัม)
-ใบโหระพา 1 กิ่ง (5 กรัม)น้ำมัน ¼ ถ้วย (45 กรัม)
เครื่องปรุงเครื่องแกง
-พริกแห้งแช่น้ำ 5 เม็ด (10 กรัม)
-หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
-เกลือป่น 2 ช้อนชา (15 กรัม)
-กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
-ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
-กะปิ 1 ช้อนชา (8 กรัม)
วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างหมู ไก่ หั่นชิ้นบาง ล้างมะเขือพวง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว และมะเขือยาว หั่นถั่วฝักยาวเป็นท่อน 1/2 นิ้ว หั่นมะเขือยาวเป็นท่อน 1/2 นิ้ว แล้วจึงผ่าครึ่ง มะเขือเปราะผ่าสี่
3. ใส่น้ำมันในกะทะ ตั้งไฟให้ร้อนใส่เครื่องแกงผัดให้หอม ใส่หมู ไก่ ผัดให้เข้ากัน ใส่หน่อไม้เปรี้ยวใช้ไฟอ่อนเคี่ยวสักครู่ ใส่วุ้นเส้นผัดให้เข้ากัน
4. จัดใส่จาน โรยใบสะระแหน่วางพริกขี้หนูทอดด้านข้างรับประทานกับใบโหระพา แตงกวา หั่นเป็นแว่น สรรพคุณทางยา
1. มะเขือเปราะ รสขมเล็กน้อย กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ ช่วยบำรุงธาตุ
2. มะเขือพวง รสขมเฝื่อนเปรี้ยวเล็กน้อย แก้ไอ ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ
3. มะเขือยาว รสขื่น กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้
4. ถั่วฝักยาว รสมันหวาน มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้บำรุงธาตุดิน
5. ตำลึง รสเย็น ใบสดตำคั้นน้ำแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดแสบปวดร้อน และคั้นรับประทานเป็นยาดับพิษร้อน (แก้เจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ)
6. หน่อไม้ รสขมหวานร้อน ราก รสอร่อยเอียนเล็กน้อย ใช้ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ใบไผ่ เป็นยาขับฟอกล้างโลหิตระดูที่เสีย
7. ผักชีฝรั่ง รสจืด กลิ่นหอม ขับลม ดับกลิ่นคาว
8. ผักชี ช่วยละลายเสมหะ แก้หัด ขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เจริญอาหาร
9. หอมแดง รสเผ็ดร้อนแก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
10. พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย
11. แตงกวา รสจืด เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณ
12. สะระแหน่ รสหอมร้อน ใบ/ยอดอ่อน ขับเหงื่อ แก้ปวดท้อง ขับลมในกระเพาะลำไส้แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
13. โหระพา รสเผ็ดปร่าหอม แก้ท้องขึ้น อืดเฟ้อ แก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้ ขับเสมหะ14. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด15. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ และ ช่วยเจริญอาหาร และขับเหงื่อประโยชน์ทางอาหาร แกง โฮะเป็นอาหารของภาคเหนือ ที่ได้จากผักหลายอย่างมารวมกัน จะได้รับวิตามิน แร่ธาตุจากผักต่างๆ รวมทั้งโปรตีน และพลังงาน วุ้นเส้นจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ อีกทั้งยังได้คุณค่าอาหารโปรตีนเพราะผลิตจากถั่วเขียว